ความสำคัญ
“การสร้างหลักประกันด้านสุขภาพให้กับคนไทย” เป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการดูแลประชาชนที่ไม่มีสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ สิทธิประกันสังคม หรือสวัสดิการรักษาพยาบาลอื่นที่รัฐจัดให้ ให้สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ตามความจำเป็นทั้งในหน่วยบริการ ในชุมชน หรือที่บ้าน โดยครอบคลุมทั้งบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค การรักษาพยาบาล ตลอดจนการฟื้นฟูสมรรถภาพ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายแม้ว่าจะเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูง
ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกว่า 14 ปี โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงาน/ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้พัฒนาและขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาอย่างต่อเนื่องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยมียุทธศาสตร์เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานตามความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ มาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น 3 แผน ประกอบด้วย
ระยะแรก เส้นทางเดิน (roadmap) สู่หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และยุทธศาสตร์ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2546-2550 โดยมีจุดเน้นในการสร้างความครอบคลุมด้านหลักประกันสุขภาพให้กับประชาชนชาวไทย ผ่านกลไกการมีส่วนร่วม การสร้างความรู้ ความเข้าใจในสิทธิและหน้าที่ทั้งของประชาชน และบุคลากรสาธารณสุขผู้ให้บริการ ควบคู่กับการหนุนเสริมการจัดระบบบริการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้สะดวก และทั่วถึง
ระยะที่ 2 ยุทธศาสตร์ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ปี 2551 – 2554 โดยมีจุดเน้นที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณ โดยการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิของทุกฝ่ายอย่างเหมาะสม รวมทั้งการพัฒนาระบบการบริหารจัดการภายในของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เข้มแข็งมากขึ้น
ระยะที่ 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี 2555 – 2559 โดยมีจุดเน้นทิศทางที่มุ่งสู่ความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพมากยิ่งขึ้น มีมุมมองด้านความครอบคลุมทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยอย่างถ้วนหน้า (Universal Coverage) ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ (Ownership) และความสอดคล้องกลมกลืนกันในระหว่างระบบประกันสุขภาพภาครัฐ (Harmonization) โดยเน้นสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิ และบุคลากรของระบบ
กรอบคิดในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 4 (พ.ศ.2560-2564)

วิสัยทัศน์
"ทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้รับความคุ้มครองหลักประกันสุขภาพอย่างถ้วนหน้าด้วยความมั่นใจ"
พันธกิจ
“พัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์และมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์จากทุกภาคส่วน และเป็นตัวแทนประชาชนในการจัดหาบริการที่มีคุณภาพให้ประชาชนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมตามความจำเป็น”
พันธกิจเฉพาะ
- ส่งเสริมและพัฒนาให้เกิดระบบหลักประกันสุขภาพที่ประชาชนเข้าถึงได้ด้วยความมั่นใจ และเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในระหว่างกองทุนประกันสุขภาพภาครัฐ
- สนับสนุนการพัฒนาการบริการสาธารณสุขภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ทุกคนเข้าถึงได้ และเป็นที่พึงพอใจของประชาชนและผู้ให้บริการ
- บริหารเงินกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ดำเนินการให้ทุกภาคส่วนมีความเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในระบบหลักประกันสุขภาพอย่างถ้วนหน้า รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการโดยเน้นการเคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน
- พัฒนาและจัดการระบบข้อมูลเชิงประจักษ์และองค์ความรู้ต่างๆ และใช้ในการตัดสินใจเชิงนโยบาย
เป้าประสงค์ : ประชาชนเข้าถึงบริการ การเงินการคลังมั่นคง ดำรงธรรมาภิบาล
"3 Goals : CSG"

10 ตัวชี้วัดเป้าประสงค์
เป้าประสงค์
|
ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมาย (ภายในปี 2564)
|
ประชาชนเข้าถึงบริการ
|
1) ประสิทธิผลของความครอบคลุมหลักประกันสุขภาพ (Effective coverage) เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม
2) ร้อยละการใช้สิทธิเมื่อไปใช้บริการสุขภาพผู้ป่วยนอกมากกว่าร้อยละ 80 ผู้ป่วยในมากกว่าร้อยละ 90
3) ร้อยละความพึงพอใจของผู้รับบริการไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 และผู้ให้บริการไม่น้อยกว่าร้อยละ 75
|
การเงิน
การคลัง
มั่นคง
|
4) ร้อยละรายจ่ายสุขภาพเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อยู่ระหว่างร้อยละ 4.6 ถึง 5.0
5) ร้อยละรายจ่ายสุขภาพเทียบกับรายจ่ายของรัฐบาล อยู่ระหว่างร้อยละ 17 ถึง 20
6) ร้อยละของครัวเรือนที่เกิดวิกฤติทางการเงินจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล (Catastrophic health expenditure) ไม่เกินร้อยละ 2.3
7) ร้อยละครัวเรือนที่ต้องกลายเป็นครัวเรือนยากจนหลังจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล (Health impoverishment) ไม่เกิน 0.4
|
ดำรง
ธรรมาภิบาล
|
8) ระดับความสำเร็จของความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบร่วมกันของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานฯ เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม
9) ร้อยละความสำเร็จของการเป็นองค์กรประสิทธิภาพสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80
10) ร้อยละการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงาน (Integrity and Transparency Assessment ITA) ตามมาตรฐานการประเมินของรัฐ (ปปช.) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90
|
|
5 กลยุทธ์ “สร้างความมั่นใจ” (“5 Ensure” Strategies)
กลยุทธ์ที่ 1 : สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงบริการของกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ (Ensure coverage and access for vulnerable and underutilization groups)
กลยุทธ์ที่ 2: สร้างความมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานและความเพียงพอของบริการ (Ensure quality and adequacy of health services)
กลยุทธ์ที่ 3: สร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการบริหารกองทุน (Ensure financial efficiency)
กลยุทธ์ที่ 4: สร้างความมั่นใจในการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน (Ensure participation and ownership of all stakeholders)
กลยุทธ์ที่ 5: สร้างความมั่นใจในธรรมาภิบาล (Ensure good governance)
5 กลยุทธ์และ 19 กลวิธีดำเนินการ
กลยุทธ์ที่ 1 : สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงบริการของกลุ่มเปราะบางและกลุ่มที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ
(Ensure effective coverage of vulnerable groups and inaccessible to care)
กลวิธี
- 1.1 Empower ประชาชน ให้มีความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ ดูแลสุขภาพตัวเองได้เหมาะสม รับรู้และเข้าใจวิธีการใช้สิทธิ และไปใช้บริการเมื่อจำเป็น
- 1.2 Identify vulnerable and underutilize groups จัดกลไกการค้นหาประชาชนกลุ่มเปราะบางและประชาชนที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ เพื่อทราบสถานการณ์ปัญหาและออกแบบการจัดการให้รับรู้สิทธิ และได้รับบริการที่จำเป็น
- 1.3 Proactive communication & Right protection เพิ่มกลไกการจัดการเพื่อคุ้มครองสิทธิกลุ่มเป้าหมายที่ยังมีปัญหาการเข้าถึงบริการ เน้นการสื่อสารเชิงรุกให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ การร้องเรียนที่เข้าถึงง่ายและมีช่องทางหลากหลาย รวมทั้งการประสานงานร่วมกับหน่วยงาน/ภาคีที่เกี่ยวข้อง เช่น พม. สสส. เครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคมต่างๆ
- 1.4 Review proper benefit package ทบทวน/ปรับปรุงประเภทและขอบเขตบริการสาธารณสุขที่จำเป็นที่สอดคล้องตามความจำเป็นของกลุ่มเปราะบาง/หรือบริการที่ยังมีปัญหาการเข้าถึงบริการ
กลยุทธ์ที่ 2 : สร้างความมั่นใจในคุณภาพมาตรฐานแลความเพียงพอของบริการ
(Ensure quality and adequacy of health services)
กลวิธี
- 2.1 Ensure quality ส่งเสริมกลไกการประกันคุณภาพหน่วยบริการ
- Strengthen quality board พัฒนาความเข้มแข็งของคณะกรรมการควบคุมคุณภาพฯ
- Monitor quality and Patient Safety การกำกับติดตามคุณภาพบริการและความปลอดภัย โดยร่วมมือกับสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
- 2.2 Ensure adequacy สนับสนุนความเพียงพอของบริการและเหมาะสมสำหรับทุกกลุ่ม
- Targeting จัดหาบริการให้กับกลุ่มเปราะบาง/กลุ่มที่ยังมีปัญหาการเข้าถึงบริการ เช่น บริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคสำหรับผู้ต้องขัง การดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงทุกคน เด็กในศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น รวมทั้งจัดระบบให้เกิดการดูแลอย่างต่อเนื่อง
- Primary health care in urban สนับสนุนการขยายระบบบริการปฐมภูมิในเขตเมือง รองรับการดูแลคนเขตเมืองที่ยังเข้าไม่ถึงบริการ
- สนับสนุนการทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวในสัดส่วนที่เหมาะสม ความสะดวกการเข้าถึงบริการปฐมภูมิ และการส่งต่อ/ส่งกลับบริการเฉพาะด้าน
- Promote health service innovation จัดหานวัตกรรมระบบบริการรูปแบบใหม่ๆ เพื่อรองรับการเข้าถึงบริการของกลุ่มเป้าหมายเฉพาะตามกลยุทธ์ที่ 1 และ บริการทั่วไป เช่น การจัดบริการเชิงรุกในชุมชน โดยหน่วยบริการ/หน่วยงานอื่น/ภาคประชาชน/กิจการเพื่อสังคม (Social enterprise)
- 2.3 Strengthening Promotion and Prevention (P&P) and Health literacy สนับสนุนบริการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย ที่เน้นชุมชนเป็นฐาน เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพตนเองของประชาชน
กลยุทธ์ที่ 3 : สร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการบริหารกองทุน
(Ensure financial efficiency)
กลวิธี
- 3.1 Sustain source of finance ร่วมกับทุกภาคส่วนในการแสวงหาแหล่งเงินใหม่ เพื่อสร้างความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพในระยะยาว
- 3.2 Improve efficiency of fund management เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการกองทุนฯ
- ปรับประสิทธิภาพการบริหารจัดการรายการบริการที่มีการจ่ายที่กำหนดราคาเฉพาะ
- ทำแผนพัฒนาการจัดสรรงบประมาณ (Payment development plan)
- สร้างกลไกให้ผู้ให้บริการตรวจสอบกันเองในการให้บริการ
- สนับสนุนนโยบายการใช้ยาอย่างสมเหตุผล การให้บริการตามที่จำเป็น
- หนุนเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์/บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในบัญชีนวัตกรรม (นโยบาย Thailand 4.0)
- พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น/พื้นที่
- พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารจัดการของกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น/พื้นที่
- 3.3 Encourage harmonization สนับสนุนการสร้างความกลมกลืนระหว่างระบบประกันสุขภาพภาครัฐ
- สนับสนุนการปฏิรูประบบประกันสุขภาพ ตามมาตรา 258 ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. …..
- ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การบูรณาการระบบประกันสุขภาพ ให้สอดคล้องตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี
กลยุทธ์ที่ 4 : สร้างความมั่นใจการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
(Ensure participation and ownership of all stakeholders)
กลวิธี
- 4.1 Expand participation & ownership ขยายและเพิ่มระดับการมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของระบบของภาคียุทธศาสตร์และผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ
- การทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข เครือข่ายสถาบันแพทย์ศาสตร์ศึกษา เครือข่ายวิชาชีพต่างๆ ทั้งระดับประเทศและพื้นที่ ผ่านกลไกต่างๆ
- ขยายศักยภาพความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อบรรลุประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น
- เพิ่มความเข้มแข็งความเป็นเจ้าของระบบหลักประกันฯของเครือข่ายภาคประชาชน 9 ด้าน
- ขยายการสร้างการมีส่วนร่วมของภาคียุทธศาสตร์ใหม่ๆ (เช่น นักการเมือง นักศึกษา นักวิชาการฯลฯ)
- 4.2 Stakeholder relation จัดระบบ/กลไกในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและภาคีเครือข่ายต่างๆ รวมทั้งการมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้อง
- 4.3 Improve hearing process ปฏิรูปการรับฟังความคิดเห็นทั่วไปฯ โดยเพิ่มความสำคัญของผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ หรือประเด็นเฉพาะ ด้วยรูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย
- 4.4 Universal Health Coverage (UHC) in Global Health ร่วมกับกลไกนโยบายหลักประกันสุขภาพระดับโลกช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์หลักประกันสุขภาพในประเทศ
กลยุทธ์ที่ 5 : สร้างความมั่นใจในธรรมภิบาล
(Ensure good governance)
กลวิธี
- 5.1 Empower governing body เพิ่มขีดความสามารถของกลไกอภิบาลในระบบหลักประกันฯ โดยเฉพาะ Board member เพื่อสร้างชุมชนแห่งความมุ่งมั่นและความรับผิดชอบร่วมกัน (Community of commitment and accountability)
- 5.2 Ensure evidence-informed decision สนับสนุนการจัดการองค์ความรู้และการใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ในการตัดสินใจ
- จัดตั้งหน่วยงานที่ทำข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ หรือ เพิ่มความเข้มแข็งของกลไกติดตามประเมินผล (M&E) ที่มีอยู่เดิม ให้ตอบโจทย์การใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และการคืนข้อมูลให้ผู้เกี่ยวข้องใช้ประโยชน์
- เพิ่มการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและการจัดการองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้อง
- 5.3 HR Master Plan และ succession plan มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากร สปสช.ให้เป็นคนดี คนเก่ง มีความสุข และทันต่อการเปลี่ยนแปลง และมีการติดตามผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
- 5.4 Decentralization เพิ่มการกระจายอำนาจและความรับผิดชอบในการบริหารจัดการในทุกด้าน ให้ สปสช.เขต และเพิ่มการมีส่วนร่วมของพื้นที่ในการบริหารทรัพยากรสาธารณะ ซึ่งสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้
- 5.5 Revise and improve management and supporting system ทบทวนและพัฒนาการบริหารจัดการและระบบงานสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
- ปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบบริหารจัดการ สภาพแวดล้อม ฯลฯ